ท่ามกลางผู้คนหลายพันล้านคนในโลกใบนี้ ชีวิตแต่งงานนับเป็นความมหัศจรรย์ของคนสองคน ที่ได้มาพบกัน รักกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ชีวิตแต่งงานมักเริ่มต้นด้วยความรักหวานชื่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรามักได้ยินคำว่า ความรักเจือจาง ชีวิตคู่เริ่มแปลกแยก
เพื่อนหลายคนที่แต่งงานแล้ว พอเวลาผ่านไปสารภาพว่า ทุกครั้งที่กลับจากที่ทำงานถึงบ้าน ไม่รู้สึกอยากจะคุยอะไรกับแฟน นอกจากเรื่องลูก เรื่องอาหารการกิน เรื่องทั่วไป แต่ปัญหาลึกๆ อาทิ ปัญหาที่ทำงาน ปัญหาเศรษฐกิจ กลับไม่รู้สึกอยากปรึกษากับแฟน เก็บไว้คนเดียว นาน ๆ เข้า ความสัมพันธ์ก็เริ่มห่างเหินลง กลายเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน
หลายคนอยู่ได้เพื่อลูก แต่ความรัก ความหวานชื่นถดถอยไปตามกาลเวลา
ผู้เขียนเชื่อว่า ผัวเมียที่อยู่กินกันได้ยืนยาว ส่วนสำคัญคือมีความรู้สึกเป็นเพื่อนมากกว่าคู่รัก เพื่อนที่รับฟังปัญหาความทุกข์ยากของเพื่อน เพื่อนที่กลับบ้านแล้ว อยากเล่าเรื่อง อยากเม้าท์เรื่องที่เจอวันนี้ให้ฟัง ทั้งเรื่องดี เรื่องไม่ดี เรื่องสนุก เรื่องเศร้า. เพื่อนที่เราสามารถระบายความในใจได้ทุกเรื่อง เพื่อนที่โอบกอดเราเมื่อมีเรื่องทุกข์ระทม
เสน่หาอาจจืดจาง แต่ความเป็นเพื่อนคือส่วนเติมเต็มให้ความรักยืนนาน
ผู้เขียนเรียกเพื่อนคนนี้ว่า ‘เกลอแก้ว’
เกลอแก้วที่อยู่เคียงข้างเราไปตลอดชีวิต
วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ (จอบ)
.......
คำนิยมโดย พี่อ้อย
เราสองคนแต่งงานกันตอนอายุ 37
เล่าสั้นๆ ก็คือถ้าไม่ได้เจอใครที่อยู่ด้วยกันแล้วเป็นหนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสอง เราก็คงไม่แต่งงาน
มันเกินสองด้วยเสียงหัวเราะ เหมือนมีเพื่อนเล่นตลอดเวลา
แต่เรื่องซีเรียสปัญหาโลก ปัญหาสังคม ปัญหาส่วนตัวเราก็คุยกัน เป็นทีมสนับสนุนกันที่ไม่จำเป็นต้องเข้าข้างกันเองเสมอไป ถ้าต้องเตือนสติกันก็พูดกันตรงๆ
เราอยากฟังความเห็นของกันและกันเพราะเรามั่นใจว่าคนนี้รักเราที่สุด หวังดีต่อเราที่สุด สำคัญพอๆ กับเรื่องเล่นเรื่องคุยด้วยกัน คืออิสรภาพที่มีให้กัน ไม่ต้องเล่นด้วยกันตลอด
เรามีเพื่อนร่วมกัน และแต่ละฝ่ายก็มีเพื่อนของตัวเอง มีเรื่องที่ตัวเองสนใจ อยากออกไปสำรวจ เราก็ให้พื้นที่นั้นแก่กันและกัน
ฉันเป็นคนสันโดษ ต้องมีเวลาอยู่คนเดียวตามลำพังกับธรรมชาติ หรือขลุกอยู่กับฮอบบี้ใหม่ๆ ถ้ามีผัวขี้งอนเรียกร้องความสนใจคงอยู่กันได้ไม่ยืนยาว แต่พี่จอบเป็นคนมีความสุขกับตัวเอง มีเรื่องสนใจทำของตัวเอง เมื่อเมียโผล่คืนกลับจากเวลาส่วนตัวจะหน้าบานต้อนรับเกลอแก้วเสมอ เพราะถึงเวลาเม้ามอยเล่นกันแล้ว
ไม่แน่ใจว่าโอกาสที่คนสองคนในโลกกว้างจะโคจรมาเจอกันเป็นเกลอแก้วอยู่ด้วยกันจะมีมากน้อยแค่ไหน เรารู้แต่ว่าเราโชคดีกันจริงๆ เกื้อกูลกัน แต่ไม่เบียดเบียนกัน
เหมือนดั่งที่คาลิล ยิบราน เขียนไว้ใน ‘The Prophet’
จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน....
และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน และต้นโพธิ์ ต้นไทรก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้
(บทแปลโดย ระวี ภาวิไล)
เราโชคดีจริงๆ
สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ (อ้อย)