Baby Sleep Training
ฝึกลูกนอนยาว สไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น
(2017, เอ็ทสึโกะ ชิมิสึ-เขียน, จุฬาลักษณ์ กรณ์สกุล-แปล, สำนักพิมพ์แซนด์คล็อคบุ๊คส์)
ชั่งใจว่าจะซื้อมาอ่านดีมั้ย เพราะว่าเพิ่งฝึกนนให้เลิกมื้อดึกและนอนยาวยันเช้าอย่างเป็นเวลา สำเร็จไปแล้ว ก็เหมือนว่าไม่มีอะไรจะอ่านแล้วรึเปล่า แต่มันก็มีความกระสันอยากรู้อยากอ่าน เผื่อเอาอะไรมาใช้ได้ มีความรู้สึกว่า การเลี้ยงลูกนี่มันต้องอาศัยความรู้แบบสหวิชาการมากๆ เช่นจะต้องการจะทำเท่าเม็ดถั่วเขียว แต่ถ้าเรารู้เท่าลูกแตงโมมันก็ดีกว่า เพราะเราจะหยิบชิ้นส่วนความรู้ที่กระจัดกระจายจากหลายๆ หัวข้อมาปรับใช้ได้ ก็เลยลงทุน เอาวะ ซื้อก็ได้ (เขาให้มึงมาสองเล่มแล้ว ซื้อเขาบ้างเถอะ 555)
แม้จะแปลเป็นไทยแล้ว แต่น้ำเสียงก็ยังญี่ปู๊น ญี่ปุ่น เหมือนนั่งอ่านอยู่ริมแม่น้ำคาโมะที่เกียวโต คุณแม่คนเขียนแกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กร้องไห้ตอนกลางคืน เชี่ย ชอบตำแหน่งมาก อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กแหวะนมที่มุมปากด้านซ้ายบ้าง ทำไมชื่อตำแหน่งมันเฉพาะเจาะจงดีมาก ประทับใจ
หนังสือไม่หนามาก เลยใช้เวลาอ่านสองสามชั่วโมงก็จบ พบว่ามันก็มีประโยชน์อย่างที่คิดไว้ เอาจริงๆ มันไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องมีลูกที่มีปัญหาเรื่องการนอนแล้วมาอ่านนะ เพราะมันก็มีชุดความรู้ทั่วไปที่เอาไว้ทำความเข้าใจเด็ก มีหลายอย่างที่เราทำตรงกับวิธีที่เขาแนะนำในหนังสือโดยบังเอิญ เลยทำให้มั่นใจและยืดได้เล็กน้อย ว่าเอ้อ เราก็มาถูกทางแล้วนะ และอีกอย่างที่ชอบ คือคุณคนเขียนแกจะมีความอารีต่อแม่สูง พยายามให้กำลังใจคุณแม่ญี่ปุ่นมากๆ มาพยายามไปด้วยกันนะ กัมบาริมาโช
มันจะไม่ได้มีความฮาวทูขนาดนั้นนะ ทั้งที่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นหนังสือฮาวทู แต่คนเขียนเขาจะอารัมภบทให้เข้าใจถึงธรรมชาติการนอน วิธีการนอน การพาเข้านอน หรือแม้กระทั่งกรรมใดๆ ที่ทำไว้กับลูกและกับตัวเองในตอนกลางวัน ล้วนมีผลต่อการนอนกลางคืนของลูกทั้งสิ้น เช่นอันนึงที่เพิ่งรู้ คือการกินน้ำผลไม้มากเกินไป อาจเป็นสาเหตุที่ลูกร้องตอนกลางคืนก็ได้ เขาให้เหตุผลไว้ในหนังสือ อยากรู้ไปอ่านเอง 555 เนี่ย มันเป็นจักรวาลแห่งความรู้อีกแล้วใช่มะ มันไม่ใช่ว่าเรามีปัญหาเรื่องลูกนอนแล้วก็มองหาแค่เรื่องลูกนอนอ่ะ มันมีองค์ประกอบร้อยแปด ที่ถ้าเรารู้กว้างๆ รอบๆ ก็อาจจะช่วยหาสาเหตุและทางแก้ได้ดีขึ้น และไม่เครียด
อาจจะเพราะเป็นหนังสือญี่ปุ่น ที่บริบททางวัฒนธรรมไม่ต่างกันมาก (จริงๆ ก็ต่างว่ะ 555) เลยคิดว่าคุณแม่คนไทยน่าจะเอาไปปรับใช้ได้ง่ายกว่าการอ่านคู่มือจากฝั่งฝรั่ง อย่างเราจะมีชีวิตไม่ตรงกับข้อแนะนำในเล่มนี่ก็น่าจะแค่อย่างเดียว คือเขาแนะนำว่าด้วยวัฒนธรรมญี่ปุ่น ลูกควรนอนกับแม่ กอดกันให้อบอุ่นไปเลย แต่ถ้าฝั่งตะวันตกส่วนใหญ่จะแนะนำให้แยกเตียง ซึ่งบ้านเรานอนแยกเตียงกันตั้งแต่แรก ตอนอ่านหนังสือก็ข้ามข้อนี้ไป แต่เอาจริงๆ จากที่เคยอ่านของทั้งสองฝั่งโลก วิธีการไม่ได้ต่างกันมากเลยนะ ต่างแค่วิธีเขียน เขียนแบบญี่ปุ่นมันดูละมุนเป็นซอฟท์ครีมฮอกไกโดมาก เด็กจะดูตัวนุ่มนิ่ม แต่ตำราฝรั่งนี่แม่งเขียนฉะฉานตรงไปตรงมามันส์ๆ ทั้งที่วิธีการเดียวกันนั่นแหละ
หนังสืออ่านง่ายและสนุก แล้วก็ยังคงชอบงานอาร์ทและการวางเลย์เอาท์และปกของสนพ.นี้ อ่านจนจบแล้วเราว่าคุณแม่จะได้พลังบวกและกำลังใจจากตัวหนังสือมาเยอะเลย อย่างที่บอกอ่ะ คนเขียนเขาอารีต่อคุณแม่มาก อยากให้กำลังใจคุณแม่ให้สู้ๆ กับการเลี้ยงลูก เขาจะร้องไห้โยเยยังไงก็ขอให้เข้าใจเขา แล้วพยายามไปด้วยกันนะแม่ลูก ถ้ามีเวลาช่วงปั๊มนมมือว่างๆ ก็แนะนำให้หามาอ่านกันดูนะ กัมบาริมัสส!
#ลูกหลับแล้วจะอ่านอะไรก็ได้